วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

ประเพณีภาคเหนือ

แห่พระธาตุช่อแฮ (จังหวัด แพร่)

    ประวัติความเป็นมา
                   ตำนานเก่าแก่แห่งเมืองมนต์ขลังเล่าว่า  อดีตกาล  พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาถึงดอยโกสิยธชัคคะบรรพตและได้มอบพระเกศาธาตุให้ขุนลั๊วอ้ายก้อมไปบรรจุในผอบแก้วแล้วนำไปไว้ในถ้ำด้านตะวันออกของดอยที่ประทับ  ซึ่งผ้าแพรที่ขุนลั๊วอ้ายก้อมนำมารองรับพระเกศาธาตุนั้นเรียกว่า “ผ้าแฮ”  นิยมนำผ้าแฮ หรือผ้าแพรมาประดิษฐ์เป็นช่อ  หรือธง  แล้วทำการถวายสักการะเป็นพุทธบูชา  ต่อมาภายหลังเพี้ยนมาเป็น  “ช่อแฮ่”  หรือ  “ช่อแพร่”  โดยครั้งนั้นพระพุทธเจ้าทรงมีรับสั่งว่า  ต่อไปเมืองนี้จะชื่อเมืองแพร่  และหลังจากที่พระองค์ปรินิพพานแล้ว  ให้นำพระธาตุข้อศอกข้างซ้ายมาประดิษฐ์ที่นี่ด้วย  และหลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว ๒๑๘ ปี  พระเจ้าอโศกมหาราชและพระอรหันต์จำนวนมากได้ร่วมกันอธิษฐานอันเชิญพระบรมสารีกริกธาตุที่ได้บรรจุในผอบแก้วที่เตรียมไว้นั้นไปสถิตในสถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงหมายไว้แต่เดิม  แล้วประกาศแก่เทวดาทั้งหลายให้พิทักษ์รักษาตลอดไป  จนกว่าจะหมดอายุแห่งพระพุทธศาสนา ๕๐๐๐ พระวัสสา
                         จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์  ระบุว่า  ในสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พระยาลิไท)  ครั้งทรงดำรงตำแหน่งมหาอุปราชเมืองศรีสัชชนาลัย  ได้เสด็จยกทัพแปรพระราชฐานมาทำการบูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุช่อแฮเสร็จแล้ว  ทรงให้มีงานฉลองสมโภช ๗ วัน ๗ คืน  ตั้งแต่วันขึ้น ๙-๑๕ ค่ำ เดือน ๖ เหนือ เดือน ๔ ใต้  และนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา  เจ้าผู้ครองนครแพร่ทุกพระองค์ก็ได้ยึดถือประเพณีไหว้พระธาตุประจำปีสืบม
     


   
 เริ่มต้นและพิธีกรรม
                           เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๖  ในสมัยของเจ้าหลวงพิริยะชัยเทพวงศ์  ได้ลดการจัดงานเหลือ ๕ วัน ๕ คืน  คือวันขึ้น ๑๑-๑๕ ค่ำ เดือน๖ เหนือ เดือน ๔ ใต้ ของทุกปี  ภายในงานประกอบด้วยขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่ประกอบไปด้วย  ริ้วขบวนของทุกอำเภอ  ขบวนช้างเจ้าหลวง  และเครื่องบรรณาการ  ขบวนแห่กังสดาล  ขบวนแห่หมากเป็ง  ขบวนต้นผึ้ง  ขบวนแห่ผ้าแพรคลุมองค์พระธาตุ ๑๒ สี  ซึ่งประกอบด้วยขบวน ๑๒ ราศี  ขบวนเทพีโปรยข้าวตอกดอกไม้  ต้นหมาก  ต้นผึ้ง  ด้นดอก  ขบวนตุง  ขบวนฟ้อนรำ  มีการเทศน์และฟังเทศน์มหาชาติ  มหาเวสสันดรชาดก  ทั้งกลางวันและกลางคืน  สำหรับกลางคืนมีมหรสพสมโภชตลอดงาน
                             ปัจจุบันประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ  เมืองแพร่แห่ตุงหลวงนอกจากจะมีขบวนแห่ที่อลังการตามแบบอย่างในอดีตแล้วภายในงานยังมีกิจกรรมอื่นอีกมากมาย เช่น  กิจกรรมการสาธิตการทำตุง  โคม  เครื่องสักการะล้านนา  การประกวดหนูน้อยช่อแฮ  รวมทั้งการออกร้านและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม  ซึ่งล้วนแล้วแต่น่าสนใจและน่ามาสัมผัสความอลังการด้วยตนเองทั้งสิ้น
          –   วันเวลาการจัดงาน : วันขึ้น ๙-๑๕ ค่ำ เดือน ๖ เหนือ เดือน ๔ ใต้  ซึ่งอยู่ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคมของทุกปี
          –   สถานที่จัดงาน : วัดพระธาตุช่อแฮ  ห่างจากตัวเมืองแพร่ไปตามถนนช่อแฮ  ประมาณ ๙ กิโลเมตร  (เส้นทางหลวงหมายเลข ๑๐๒๒)

********************
ประเพณี ใส่ขันดอก (จังหวัด เชียงใหม่)


ช่วงเวลา ระหว่างแรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๘ เหนือ (เดือน ๙ จันทรคติภาคกลาง) ถึง ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน๙ เหนือ ณ วิหารจตุรมุข วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

ความสำคัญ

เป็นประเพณีบูชาเสาหลักเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีชื่อว่าเสาอินทขิล เสาหลักเมืองเดิมมีมาตั้งแต่เมื่อครั้งสร้างเมืองเชียงใหม่ และประดิษฐานที่วัดสะดือเมือง ต่อมาได้เสื่อมสภาพไป พระยากาวิละซึ่งได้ฟื้นฟูประเพณีอินทขิลขึ้นใหม่ จึงได้สร้างและย้ายมาประดิษฐานไว้ ณ วัดสวนดอกจนถึงปัจจุบันนี้ ชาวเชียงใหม่ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอย่างหนึ่ง

พิธีกรรม

เริ่มด้วยพ่อหมอพฤฒาจารย์กระทำพิธีบูชาครู สักการะวิญญาณบรรพบุรุษ อารักษ์ และผีเจ้านายทั้งหลาย เทศบาลนครเชียงใหม่จัดขบวนแห่พระพุทธรูปฝนแสนห่าไปรอบเมืองให้ประชาชนสรงน้ำ ที่บริเวณวัดมีขันบูชาเสาอินทขิลสำหรับให้ประชาชนนำดอกไม้ไปบูชา (เรียกว่า ใส่ขันดอก) 

*****************

ประเพณีสรงน้ำพระธาตุหริภุญชัย (จังหวัด ลำพูน)

ช่วงเวลา



จัดในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ (เดือน ๘ เหนือ) ชาวบ้านเรียกว่า ประเพณีแปดเป็ง 

ความสำคัญ


ประเพณีสรงน้ำพระธาตุหริภุญชัยจัดขึ้นทุกปี เพราะถือว่าพระธาตุหริภุญชัยเป็นพระธาตุเจดีย์ที่สำคัญหนึ่งในแปดพระธาตุเจดีย์ของประเทศไทย น้ำที่นำมาสรงองค์พระธาตุนั้นเป็นน้ำสรงพระราชทาน น้ำทิพย์จากดอยขะม้อ และน้ำสรงของประชาชน

วัตถุประสงค์ของประเพณีสรงน้ำพระธาตุหริภุญชัย มีดังนี้
๑. เพื่อเป็นการสักการะพระบรมธาตุ ซึ่งเป็นปูชนียสถานอันเก่าแก่ และนับเป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดลำพูนและชาวพุทธทั่วไป
๒. เพื่อสักการะพระบรมอัฐิธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นการบูชาเสาหลักเมือง เพราะชาวลำพูนถือว่า เจดีย์พระธาตุหริภุญชัยเป็นเสาหลักเมือง เมื่อสรงน้ำพระบรมธาตุหริภุญชัยจึงได้ทำบุญเสาหลักเมืองลำพูนด้วย

พิธีกรรม


ในวันขึ้น ๑๓ ค่ำ จะมีพิธีฝังเสาสำหรับผูกเชือกดึงหม้อน้ำสรง ชาวบ้านเรียกว่า เสาก๊างน้ำ ในวันนี้ฝนมักจะตก ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่า หลังจากฝังเสาก๊างน้ำแล้ว เทวดาจะต้องสรงน้ำพระธาตุก่อนใคร เมื่อเสร็จงานเรียบร้อยแล้ว เสาก๊างน้ำจะถอดเก็บรักษาไว้

ตอนบ่ายวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ราว ๑๓.๐๐ น. ผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมด้วยข้าราชการ นักเรียน นักศึกษาประชาชน ร่วมขบวนแห่นำน้ำสรงพระราชทาน พร้อมเครื่องสักการะบูชาและน้ำทิพย์ดอยขะม้อ ไปยังวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร แล้วทำพิธีถวายสักการะ โดยคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ มีเจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัยเป็นประธานนำสวดถวายอดิเรก หลังจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน จะทำพิธีสรงน้ำพระธาตุโดยสรงน้ำพระราชทานก่อน ต่อจากนั้นประชาชนจึงเข้าสรงน้ำ เมื่อน้ำสรงเมื่อเต็มหม้อแล้ว ประชาชนจะช่วยกันดึงเชือกให้หม้อน้ำสรงเลื่อนขึ้นไปยังองค์พระธาตุ ซึ่งบนองค์พระธาตุ มีชายแต่งตัวชุดขาวคล้ายพราหมณ์ประมาณ ๕-๖ คน คอยรับน้ำสรง เพื่อนำไปสรงรอบๆองค์พระธาตุ ประชาชนจะสรงน้ำกันอย่างไม่ขาดสายจนถึงเวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. เป็นอันเสร็จพิธี





**************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น